[Interview] Lee Dae-Young, Director of the Urban Energy Research Division at KIST on the dehumidification and cooling technology

ธันวาคม 2015 ที่ประชุม COP21 ได้รับรอง “Paris Agreement” ให้แต่ละประเทศตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยสมัครใจ

เกาหลีใต้ประกาศลด 37% จากการคาดการณ์ 850.6 ล้านตัน CO₂eq แต่ถูกวิจารณ์ว่าไม่เป็นจริง เพราะการขยายพลังงานหมุนเวียน และ CCS ต้องใช้งบมหาศาล คำถามคือจะลดการปล่อยได้อย่างไรให้คุ้มค่าและประหยัด

แนวทางหนึ่งคือใช้พลังงานส่วนเกิน/ waste heat เช่น ระบบทำความเย็นแบบดูดความชื้น (Desiccant Cooling) ที่เชื่อมกับ waste heat จากโรงไฟฟ้า CHP ซึ่งช่วงหน้าร้อนมีความต้องการต่ำ

ความจำเป็นของ Desiccant Cooling

IEA วิเคราะห์ว่า CHP มีส่วนลดก๊าซเรือนกระจก 15% ในยุโรป (1990–2005) แม้ไม่ได้รับเงินอุดหนุนมาก ที่เกาหลีใต้การใช้พลังงานในช่วงหน้าร้อนน้อยกว่าหน้าหนาวถึง 10% ทำให้โรงไฟฟ้าลดพลังงานผลิตต่ำกว่า 40% ดังนั้นดูจากต้นทุนที่สูงของโรงไฟฟ้า หากสร้างความต้องการด้านความเย็นจากพลังงานทิ้งจะช่วยเพิ่มจุดคุ้มทุนได้

ข้อดีของ Desiccant Cooling

• ใช้ความร้อนต่ำ 70–80°C เหมาะกับอาคารและที่อยู่อาศัย
• ลดการใช้ไฟฟ้าเมื่อเทียบกับแอร์ทั่วไป
• ตอบโจทย์อพาร์ตเมนต์ที่เป็นสัดส่วนใหญ่ในเกาหลี

การพัฒนาในเกาหลีและต่างประเทศ

IEA เริ่ม R&D ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ตั้งแต่ 1974 พบว่า Desiccant Cooling คุ้มค่าที่สุด Munters (สวีเดน) ผลิตเชิงพาณิชย์แล้วในปี 2008

เกาหลี KIST เริ่มวิจัยตั้งแต่ 1999 พัฒนาพอลิเมอร์ดูดความชื้น ดูดซับได้ 4–5 เท่าของซิลิกาเจล ใช้ความร้อนเพียง 60°C สำหรับ Regeneration ปี 2007 ทดลองติดตั้งต้นแบบในอพาร์ตเมนต์ ร่วมกับ Korea District Heating Corp. ต่อมาถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ SME และบริษัทรายใหญ่ และปี 2010 ได้โครงการสนับสนุนจากรัฐบาลในการผลิตระบบไฮบริด ลดความชื้นโดยใช้สารดูดความชื้นร่วมกับฮีทปั๊ม ติดตั้งในอพาร์ตเมนต์ใหม่ 40 ห้อง

ผลลัพธ์

• ใช้ไฟฟ้าน้อยลง 48% เมื่อเทียบกับแอร์ทั่วไป
• ลดมลพิษในอาคาร (VOC, แบคทีเรีย ฯลฯ) ได้กว่า 40% ภายใน 2 ชม.
• ประสิทธิภาพสูงกว่า Munters: ทำความเย็นเพิ่ม 47% และประสิทธิภาพรวมสูงขึ้น 52%
• ต้นทุนผลิตถูกลงด้วยโรเตอร์ที่ทำจากโพลิเมอร์ดูดความชื้น